พัดลมระบายอากาศ Kruger พัดลมระบายอากาศโรงงาน ราคาดีที่สุด
พัดลมระบายอากาศ ก็เป็นพัดลมอีกหนึ่งประเภทที่ทาง FANPROTHAILAND ของเราภูมิใจนำเสนอ เพราะในประเทศที่อากาศร้อนอย่างประเทศไทย โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ก็มักจะต้องหาพัดลมระบายอากาศอุตสาหกรรมดีๆ สักตัวเอาไว้ใช้เพื่อไม่ให้เครื่องจักรต่างๆ ร้อนเกินไป หรืออาจนำมาใช้เพื่อระบายกลิ่น ระบายควัน ระบายไอร้อน ปรับอุณหภูมิภายในห้องเก็บสินค้าหรือห้องทำงานไม่ให้อบอ้าว พัดลมระบายอากาศหลังคาที่จำหน่ายกันทุกวันนี้ก็มีอยู่หลายประเภทเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน แล้วจะมีพัดลมระบายอากาศแบบไหนที่น่าสนใจบ้าง วันนี้ทาง FANPROTHAILAND ของเราจะพาคุณไปรู้จักกัน
พัดลมระบายอากาศ ราคาเท่าไหร่ อัปเดตราคาล่าสุด
สำหรับพัดลมระบายอากาศที่ FANPROTHAILAND นำมาจำหน่ายจะเป็นยี่ห้อ Kruger ที่ขึ้นชื่อในด้านประสิทธิภาพการใช้งานสูงจนเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก พัดลมระบายอากาศ Kruger จะมีหลายรุ่น หลายยี่ห้อ มีทั้งพัดลมระบายอากาศ 6 นิ้วที่เหมาะใช้กันในครัวเรือนไปจนถึงพัดลมระบายอากาศ 50 CFM ราคาถูกสำหรับใช้ในระดับอุตสาหกรรม พัดลมแต่ละรุ่นจะมีราคาเริ่มต้นดังนี้
- พัดลมครูเกอร์ซีรี่ส์ KCE-X ราคาเริ่มต้นที่ 3,700.00 บาท
- พัดลมครูเกอร์ซีรี่ส์ ASA ราคาเริ่มต้นที่ 9,999.00 บาท
- พัดลมครูเกอร์ซีรี่ส์ TDA-L ราคาเริ่มต้นที่ 9,999.00 บาท
- พัดลมครูเกอร์ซีรี่ส์ RDA ราคาเริ่มต้นที่ 9,999.00 บาท
- พัดลมครูเกอร์ซีรี่ส์ APK ราคาเริ่มต้นที่ 9,999.00 บาท
- พัดลมครูเกอร์ซีรี่ส์ FSA ราคาเริ่มต้นที่ 22,400 บาท

พัดลมระบายอากาศมีกี่ประเภท
ประเภทของพัดลมระบายอากาศที่จำหน่ายกันในปัจจุบันนั้นจะแบ่งออกมาได้เป็น 3 ประเภทหลักคือพัดลมระบายอากาศเพดาน พัดลมระบายอากาศติดผนัง และพัดลมระบายอากาศโซล่าเซลล์ ซึ่งจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันดังนี้
พัดลมระบายอากาศเพดาน
พัดลมระบายอากาศเพดานจะใช้กับบ้านหรืออาคารที่ภายในห้องมีความสูงมากๆ โดยทั่วไปจะติดตั้งเอาไว้กับฝ้าบนเพดาน และมีช่องระบายอากาศออกไปข้างนอก ในกรณีที่ไม่มีช่องระบายอากาศก็สามารถต่อท่อเพิ่มเพื่อให้เป็นทางระบายอากาศออกไปยังส่วนอื่นของห้องได้
พัดลมระบายอากาศติดผนัง
พัดลมระบายอากาศติดผนัง เป็นพัดลมระบายอากาศที่มักจะเจอบ่อยที่สุด วิธีใช้งานคือนำมาติดตั้งเข้ากับผนังโดยตรงเพื่อระบายอากาศจากภายในออกไปยังภายนอก ส่วนใหญ่มักจะเป็นพัดลมระบายอากาศห้องน้ํา ห้องครัว หรือห้องรับแขก เป็นต้น
พัดลมระบายอากาศโซล่าเซลล์
พัดลมระบายอากาศโซล่าเซลล์ สามารถเป็นพัดลมระบายอากาศแบบไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นพัดลมระบายอากาศเพดาน พัดลมระบายอากาศติดผนัง หรือพัดลมระบายอากาศอุตสาหกรรม แต่จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์แทนการใช้ไฟฟ้าแบบทั่วไป มีข้อดีคือช่วยประหยัดค่าไฟได้

วิธีเลือกพัดลมระบายอากาศเพดาน ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง
การเลือกพัดลมระบายอากาศสามารถพิจารณาได้จากหลายปัจจัย ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ติดตั้งเป็นหลักว่าตรงการเน้นความสำคัญของจุดไหน โดยทั่วไปแล้วจะมีวิธีเลือกพัดลมระบายอากาศทั้งหมดดังนี้
เลือกพัดลมระบายอากาศตามประเภทการใช้งาน
วิธีเลือกพัดลมระบายอากาศตามประเภทการใช้งานก็จะเหมือนการแบ่งประเภทพัดลมที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ คือจะมีพัดลมระบายอากาศเพดาน พัดลมระบายอากาศติดผนัง และพัดลมระบายอากาศโซล่าเซลล์ ซึ่งคุณต้องตรวจสอบสถานที่ก่อนว่าควรติดตั้งพัดลมแบบไหน ถ้าเป็นห้องใหญ่ที่มีเพดานสูงก็อาจเลือกเป็นพัดลมระบายอากาศหลังคาเพื่อประสิทธิภาพการระบายอากาศที่ดีกว่า หรือถ้าเป็นห้องเพดานไม่สูงก็เลือกติดตั้งเป็นพัดลมระบายอากาศแบบติดผนังแทนได้ พัดลมทั้งสองประเภทนี้จะต้องดูว่าห้องของคุณมีช่องเปิดสำหรับการระบายอากาศอยู่แล้วหรือไม่ ถ้ายังไม่มีก็ต้องเจาะเพิ่มหรืออาจต่อท่อเข้าไปกับพัดลมเพื่อเป็นช่องระบายให้อากาศไหลออกไปที่อื่นแทนได้ ส่วนพัดลมระบายอากาศโซล่าเซลล์จะใช้ในกรณีที่ต้องการประหยัดค่าไฟเพราะสามารถใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์แทนได้
เลือกอัตราการไหลของอากาศให้เหมาะสมกับห้อง
ค่าอัตราการไหลของอากาศ (Cubic Feet per Minute) หรือ CFM คือหน่วยวัดอัตราการไหลของอากาศที่ระบบระบายอากาศสามารถดูดหรือเป่าออกไปได้ ซึ่งจะเทียบเป็นหน่วยลูกบาศก์ฟุตต่อนาที ถ้าพัดลมระบายอากาศตัวไหนมีค่า CFM ก็หมายถึงพัดลมตัวนั้นมีความสามารถในการระบายอากาศได้มากขึ้นตามไปด้วย โดยทั่วไปแล้วพัดลมที่ตัวใหญ่กว่าจะสามารถระบายอากาศได้ดีกว่า แต่ถ้าเป็นพัดลมที่ขนาดไม่ห่างกันมากก็อาจจะมีค่า CFM ใกล้เคียงกันได้ เช่น พัดลมระบายอากาศ 6 นิ้วกับพัดลมระบายอากาศ 8 นิ้วอาจมีค่า CMF เท่ากัน ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของพัดลมนั้น โดยทั่วไปแล้วยการเลือกค่า CFM ที่เหมาะสมจะมีดังนี้
- ห้องน้ำขนาดมาตรฐาน 3-10 ตร.ม. ควรมี 50-100 CFM เพื่อระบายความชื้นและกลิ่น
- ห้องครัวขนาดมาตรฐาน 10-20 ตร.ม. ควรมี 150-300 CFM เพื่อระบายควัน กลิ่นหรือไอน้ำมัน
- ห้องนั่งเล่นขนาดมาตรฐาน 20-30 ตร.ม. ควรมี 100-150 CFM เพื่อลดความชื้น กลิ่น และทำให้อากาศโปร่งสบาย
- ห้องนอนขนาดมาตรฐาน 12-20 ตร.ม. ควรมี 50-80 CFM เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี ลดฝุ่นและความชื้นในห้อง

เลือกขนาดพัดลมระบายอากาศที่เหมาะสม
ขนาดของพัดลมระบายอากาศที่ใหญ่มากเพียงพอจะช่วยให้พัดลมไม่ทำงานหนักจนเกินไป และยังได้อัตราการไหลของอากาศที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน โดยทั่วไปจะมีขนาดที่เหมาะสมสำหรับแต่ละห้องดังนี้
- ห้องน้ำขนาดมาตรฐาน 3-10 ตร.ม. ควรใช้พัดลมระบายอากาศ 4 นิ้วไปจนถึง 8 นิ้ว ขนาดจะไม่ใหญ่เกินไป และควรติดตั้งในจุดที่มักจะมีความชื้นหรือกลิ่นสะสมมากที่สุด
- ห้องครัวขนาดมาตรฐาน 10-20 ตร.ม. ควรใช้พัดลมระบายอากาศ 8 นิ้วไปจนถึงพัดลมระบายอากาศติดกระจก 12 นิ้ว เพื่อให้ระบายอากาศได้ดี ระบายควันเร็ว ลดกลิ่นสะสม
- ห้องนั่งเล่นขนาดมาตรฐาน 20-30 ตร.ม. ควรใช้พัดลมระบายอากาศ 10 นิ้วไปจนถึงพัดลมระบายอากาศ 12 นิ้วเพื่อให้ได้การไหลเวียนอากาศภายในห้องที่ดี ลดกลิ่นและความชื้นภายในห้อง
- ห้องนอนขนาดมาตรฐาน 12-20 ตร.ม. ควรใช้พัดลมระบายอากาศ 6 นิ้วหรือ 8 นิ้วเพื่อลดความชื้น ถ่ายเทอากาศ และควรเลือกพัดลมระบายอากาศที่เสียงการทำงานเงียบ เพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อน
สำหรับโรงงานหรือต้องการใช้ในระดับอุตสาหกรรมก็อาจเลือกซื้อพัดลมระบายอากาศ 20 นิ้วหรือใหญ่กว่านั้นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการระบายอากาศที่ดีขึ้น ยิ่งห้องขนาดใหญ่เท่าไหร่ก็ควรเลือกใช้พัดลมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย
เลือกพัดลมระบายอากาศตามความเร็วต่อรอบและระดับเสียง
พัดลมระบายอากาศแต่ละรุ่นจะมีความเร็วต่อรอบและระดับเสียงที่เกิดขึ้นต่างกัน สำหรับพัดลมระบายอากาศโรงงานขนาดใหญ่ก็มักจะมีเสียงดังกว่าและความเร็วต่อรอบสูงกว่าพัดลมระบายอากาศห้องน้ําขนาดเล็ก สำหรับการใช้งานภายในบ้านจะมีระดับเสียงและความเร็วต่อรอบแนะนำดังนี้
- ห้องน้ำหรือห้องครัว ควรเลือกพัดลมระบายอากาศที่มีความเร็วต่อรอบ 1,500-2,500 RPM ขึ้นไปเพื่อให้ระบายกลิ่น ควัน และไอร้อนได้ดี ระดับเสียงอาจเลือกช่วง 40-50 เดซิเบลก็ได้
- ห้องนั่งเล่น ควรเลือกพัดลมระบายอากาศที่มีความเร็วต่อรอบ 1,200-2,000 RPM ขึ้นไปเพื่อให้ได้ความสามารถในการระบายอากาศที่ดี เสียงของพัดลมควรอยู่ในช่วงไม่เกิน 35-40 เดซิเบลเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนมากเกินไป
- ห้องนอน ควรเลือกพัดลมระบายอากาศที่มีความเร็วต่อรอบ 900-1,500 RPM เพื่อให้การทำงานเงียบที่สุด ระดับเสียงไม่ควรเกิน 30 เดซิเบล

เลือกพัดลมระบายอากาศตามกำลังไฟฟ้า
โดยทั่วไปแล้วพัดลมระบายอากาศขนาดใหญ่มักจะใช้กำลังไฟฟ้ามากกว่าพัดลมขนาดเล็ก ซึ่งอาจนำมาใช้คำนวณค่าไฟได้ง่ายขึ้นด้วย
- พัดลมระบายอากาศ 4 นิ้วไปจนถึง 8 นิ้ว ควรมีกำลังไฟฟ้า 15-30 วัตต์
- พัดลมระบายอากาศ 8 นิ้วไปจนถึง 10 นิ้ว ควรมีกำลังไฟฟ้า 30-90 วัตต์
- พัดลมระบายอากาศ 10 นิ้วไปจนถึง 12 นิ้ว ควรมีกำลังไฟฟ้า 40-100 วัตต์
เลือกพัดลมระบายอากาศตามฟังก์ชั่นอื่นๆ
พัดลมระบายอากาศรุ่นใหม่ๆ ก็มักจะมีฟังก์ชั่นการทำงานเพิ่มเติมตามมาด้วย ตัวอย่างเช่น พัดลมระบายอากาศโซล่าเซลล์ที่ช่วยประหยัดค่าไฟ พัดลมระบายอากาศที่ตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ พัดลมระบายอากาศที่มีเซนเซอร์ตรวจจับความชื้น พัดลมระบายอากาศที่ใช้รีโมทควบคุมได้ หรือพัดลมระบายอากาศติดกระจก 12 นิ้วที่ติดตั้งบนกระจกได้สะดวก เหมาะสำหรับการใช้ในห้องน้ำ เป็นต้น
ซื้อพัดลมระบายอากาศโรงงานที่ไหนดี ได้ของมีคุณภาพดีในราคาถูก
ใครที่กำลังมองหาพัดลมระบายอากาศโรงงานคุณภาพดีในราคาถูก ที่ FANPROTHAILAND ของเรามีพัดลมระบายอากาศ Kruger และ Mitsubishi มาให้เลือกกันได้ทุกรุ่น สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงขนาดและรุ่นที่เหมาะกับพื้นที่ใช้งานได้ และเรายังมีราคาพิเศษให้สำหรับพัดลมระบายอากาศทุกเครื่องอีกด้วย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับพัดลมระบายอากาศ
พัดลมระบายอากาศ กับ พัดลมดูดอากาศ ต่างกันอย่างไร
โดยทั่วไปแล้วพัดลมระบายอากาศกับพัดลมดูดอากาศก็คือพัดลมประเภทเดียวกัน แต่พัดลมระบายอากาศมักจะนำมาใช้งานต่อเนื่องทีละหลายชั่วโมงเพื่อหมุนเวียนอากาศภายในห้อง ส่วนพัดลมดูดอากาศอาจเปิดแค่ระหว่างทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น เข้าห้องน้ำ หรือทำอาหาร เป็นต้น
พัดลมระบายอากาศช่วยได้จริงไหม
ประโยชน์ของพัดลมระบายอากาศคือการสร้างอากาศถ่ายเทให้กับห้อง ดังนั้นจึงสามารถช่วยได้ทั้งการหมุนเวียนอากาศ ระบายกลิ่น ระบายควัน ระบายความชื้น และยังช่วยให้อุณหภูมิภายในห้องลดลงได้ด้วย
พัดลมดูดอากาศยี่ห้อไหนดี
พัดลมดูดอากาศในปัจจุบันก็มีอยู่หลายยี่ห้อ แต่ยี่ห้อที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่จุดจะเป็น Kruger และ Mitsubishi ที่มีทั้งประสิทธิภาพการทำงานที่ดี มีความทนทานสูง และยังมีราคาประหยัดอีกด้วย
ขนาดพัดลมดูดอากาศสําหรับห้องน้ําควรมีขนาดเท่าไหร่
พัดลมระบายอากาศที่ใช้กันในห้องน้ำไม่ควรเล็กหรือใหญ่เกินไป โดยทั่วไปแล้วห้องน้ำขนาดมาตรฐาน 3-10 ตร.ม. ควรใช้พัดลมระบายอากาศ 4 นิ้วไปจนถึง 8 นิ้ว และติดตั้งในจุดที่มีกลิ่นหรือความชื้นสะสมมากที่สุด